M Academy

รู้จัก Positive Influence หนึ่งในบุคลิกภาพผู้นำที่ช่วยยกระดับองค์กรได้ดีที่สุด

February 28th, 2024

บุคลิกภาพ Positive Influence ของผู้นำ คือ การสร้างอิทธิพลในด้านดี ที่ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือกลุ่มพนักงานในองค์กรรู้สึกเชื่อมั่น กล้าจะทำตาม กล้าจะพูดคุย แล้วนำพาองค์กรก้าวหน้าไปได้ด้วยดี

บุคลิกภาพ ผู้นำแบบ Positive influence ช่วยยกระดับองค์กรได้เพราะอะไร?
การเป็นผู้นำ คือ การเป็นผู้ที่มีศิลปะในกาพูดและมีอิทธิพลเหนือผู้อื่น สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วไป ในการปฏิบัติตาม ไว้วางใจ เคารพ และมีความมั่นใจในผู้นำ ด้วยความเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจ มีความสามารถในการจูงใจหรือใช้อิทธิพลในการด้านที่ดี เป็นวิธีการที่บุคคลสามารถสร้างการทำงานร่วมกันเป็นทีม ที่ดำเนินการด้วยความจริงใจและยอมรับ พร้อมการมีบุคลิกภาพแบบ Positive influence หรืออิทธิพลในตัวบุคคล ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อให้ผู้อื่นปฏิบัติตามได้ เป็นอำนาจที่สามารถทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง หรือกระทำการบางอย่างด้วยความเต็มใจ

โครงการอบรมพัฒนาบุคลากร Positive influence เพื่อให้เป็นผู้นำที่ดีในอนาคตควรเป็นอย่างไร
แนะนำ 7 ขั้นตอนสู่การเป็นผู้นำในแบบ Positive Influence ที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าคุณจะทำงานในอุตสาหกรรมใด หรือบริษัทแบบไหนก็ตาม รวมไปถึงเรื่องอายุที่ไม่ว่าจะเท่าไหร่ คุณสามารถฝึกฝนและพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำของคุณอย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงการอบรมและพัฒนาความเป็นผู้นำในด้าน Positive Influence ดังนี้


1.สร้างแรงบันดาลใจเชิงบวก (Positive Influence)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกไปทำงานทุกวัน และถูกรายล้อมไปด้วยพลังด้านลบ มีผลต่อการทำงานมากพอสมควร ผู้นำที่ดีจึงต้องเชื่อเสมอว่าสามารถคิดและตอบสนองได้แตกต่างออกไป แทนที่จะถูกกลืนกินโดยพลังงานเชิงลบ แต่เลือกที่จะปล่อยพลังงานเชิงบวกออกมา เพื่อเผชิญกับความท้าทายและปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะพลังงานเหล่านี้เปรียบเสมือนไวรัสที่แพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์ของบุคคลที่กระจายพลังงานเชิงบวกให้กับตนเองและคนรอบข้าง หรือประเภทที่สร้างสภาพแวดล้อมที่น่ารื่นรมย์ ทักษะสำคัญสำหรับการพัฒนาความเป็นผู้นำ จึงคือการสร้างแรงบันดาลใจเชิงบวกให้ผู้อื่น

ซึ่งภายในโปรแกรมเรียนรู้ Positive Influence จาก M academy มีการประเมินตนเองหลังจากทดสอบ ด้วยเรื่องเกี่ยวกับอิทธิพลในสถานการณ์ต่าง ๆ ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมจำลอง เรียนรู้กระบวนการให้และรับที่สร้างสรรค์จากผู้อื่น เข้าใจความแตกต่างในด้านอำนาจ และพฤติกรรมเมื่อใช้อิทธิพลผ่านแบบจำลองอิทธิพลตามสถานการณ์ เพื่อฝึกฝนและใช้ทักษะเหล่านี้ในสถานการณ์จริง จะช่วยให้คุ้นเคยกับการใช้อิทธิพลเชิงบวกแบบยืดหยุ่นและหลากหลาย ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน โดยได้การยอมรับในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และมีมากกว่า 25 ภาษา


2.บริหารความสัมพันธ์ได้ดี (Prioritize Interpersonal)
ความสัมพันธ์เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในทุกธุรกิจ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ประเด็นนี้เกี่ยวกับบุคลากร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญขององค์กร ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำที่จะลงทุนเวลา ในการพัฒนาความสัมพันธ์กับทีมของตนเอง พร้อมรับฟังและเคารพทุกความคิดเห็น คำนึงถึงคำพูดและการกระทำต่อผู้อื่นอยู่เสมอ จนสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าผู้ใต้บังคับบัญชาเคารพเรา ไม่เพียงตามตำแหน่งที่เป็นอยู่เท่านั้น แต่เนื่องจากวิธีที่แสดงความจริงใจอย่างสม่ำเสมอ ให้การดูแล เคารพซึ่งกันและกัน


3.ความรู้ ความเข้าใจ ต้องมีรอบด้าน (Be Well Rounded)
แม้ว่าการเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา จะมีความสำคัญสำหรับทุกคนที่ปรารถนาจะเป็นผู้นำในสาขานั้น ๆ แต่ผู้นำที่ยอดเยี่ยมควรเป็นคนที่รอบรู้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเก่งที่สุดทุกด้าน จะหมายถึงการมีความเชี่ยวชาญ หรือแม้กระทั่งเหนือกว่าคนทั่วไป เมื่อพูดถึงคุณสมบัติของผู้นำที่ดีการบริหารจัดการบุคคล ความรู้ทางการเงิน ทักษะการขาย ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ มีความเข้าใจต่อเรื่องต่าง ๆ อีกมากมาย แต่ก็เน้นย้ำว่าไม่จำเป็นต้องเก่งทุกด้าน แต่เพื่อที่จะเป็นผู้นำที่ดี คุณควรมีความเชี่ยวชาญ ในด้านที่นอกเหนือไปจากความรู้และทักษะเฉพาะทางของตัวเองให้มากขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำงานร่วมกับคนในทีม หรือในหน่วยงานต่าง ๆ


4.สร้างภาพลักษณ์ผู้นำ สอดคล้องกับองค์กร (Cultivate Your Personal Brand)
การสร้างภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำที่โดดเด่น มีความน่าเชื่อถือ และต้องสื่อสารออกมาสอดคล้องกับองค์กร ต้องอาศัยการผสมผสาน ทั้งด้านรองและด้านหลัก ซึ่งไม่เพียงแต่ครอบคลุมถึงพฤติกรรม ทักษะ และความรู้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการปลูกฝังความมั่นใจในผู้อื่นด้วย ผู้นำควรทำหน้าที่เป็นแบบอย่างอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ต้นจนจบ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนา และความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องของการตัดสินใจ


5.การสื่อสารต้องดีและชัดเจน (Improve Public Speaking)
หากขาดความมั่นใจในการพูดคุยกับคนกลุ่มใหญ่ ผู้นำจะมีอิทธิพลและชี้แนะอย่างมีประสิทธิผลได้ยาก อย่างไรก็ตามทักษะการพูดในที่สาธารณะหรือในห้องสัมมนา สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งผู้นำหรือไม่ก็ตาม ขอแนะนำให้คุณแสวงหาโอกาสในการฝึกฝนและได้รับประสบการณ์พูดภายในองค์กรของคุณทำกิจกรรมดังกล่าวบ่อยๆ จนกว่าคุณจะไม่รู้สึกกลัวหรือตื่นเต้นอีกต่อไป เพื่อให้เกิดการสื่อสารที่ชัดเจนพร้อมจัดระเบียบความคิดและการพูดที่ตรงประเด็นเพื่อไม่เกิดความเยิ่นเย้อมากเกินไป ซึ่งถ้าคุณสนใจการเช่าห้องสัมมนาเพื่อการอบรมหรือทำโครงการต่างๆ สำหรับการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพแนะนำสถานที่จัดสัมมนาจาก M academy พร้อมตอบโจทย์ด้วยการมีพื้นที่มากกว่า 1,300 ตารางเมตร และรองรับผู้เข้าร่วมสูงสุดถึง 350 คน มีให้เลือกทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ที่ถูกทำขึ้นเพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งานมากที่สุด


6.ยึดมั่นในคำพูดของตนเอง (Commit to Deadlines)
โลกปัจจุบันไม่ว่าจะปรารถนาความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานมากแค่ไหนก็ตาม มีกรณีที่ในฐานะผู้นำพบว่าตัวเองจัดลำดับความสำคัญของกำหนดเวลางานมากกว่าการรักษาสมดุลที่ต้องการในชีวิต ซึ่งหมายความว่าบางครั้งต้องพยายามเป็นพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่างานต่างๆ จะสำเร็จตามที่สัญญาไว้กับผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานหรือลูกค้า การกระทำดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบต่อระดับความไว้วางใจที่ผู้อื่นมีต่อผู้นำ จึงจำเป็นต้องยึดมั่นในคำพูดและการกระทำของตัวเองสัญญาไปแล้วต้องทำได้เพื่อทำให้เกิดความน่าเชื่อถือและไว้วางใจมากที่สุด


7.มีอิทธิพลแต่ก็ต้องอ่อนน้อม (Humble)
เชื่อกันว่าผู้นำที่ดีจะต้องพูดจาไพเราะ พูดอย่างอ่อนน้อมถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ความอ่อนน้อมถ่อมตนคือสิ่งที่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ทุกคนตระหนักดีเพราะจะเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้รับฟังและแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แม้ว่าบางครั้งสิ่งนี้อาจไม่สบายใจ ไม่ถูกใจแต่คนที่เป็นผู้นำก็พร้อมเสมอที่จะถอยกลับและปล่อยให้ผลงานของผู้พูดแสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้วกลายเป็นผลงานที่ดีที่สุด พร้อมนำความรู้ที่ได้จากความคิดเห็นของคนในองค์กร มาปรับใช้จริงหรือนำมาผสมผสานกับความคิดของผู้นำแล้วจะกลายมาเป็นความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ หรือการประแก้ปัญหาที่ลงตัวมากขึ้น

การพัฒนาบุคลิกภาพผู้นำ (Personality Development) มีความจำเป็นหรือไม่
การพัฒนาบุคลิกภาพส่วนบุคคล หรือ Personality Development มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสำเร็จเนื่องจากช่วยปลูกฝังการรับรู้เชิงบวกทั้งภายในและภายนอก การเสริมสร้างภาพลักษณ์ส่วนบุคคลยังเป็นประโยชน์ในที่ทำงานเพราะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา รวมถึงการเปิดประตูสู่ความก้าวหน้าในอาชีพการงาน การแสดงภาพลักษณ์เชิงบวกสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างคิดและมีทัศนคติเชิงบวกไปด้วยการพัฒนาภาพลักษณ์ส่วนบุคคล จึงต้องส่งเสริมทั้งรูปลักษณ์และพฤติกรรมทำให้คุณดูดีรู้สึกมั่นใจ และกลายเป็นทรัพย์สินอันมีค่าขององค์กร ซึ่งภาพลักษณ์ส่วนบุคคลจะสะท้อนถึงคุณสมบัติความเป็นผู้นำ

การควบคุมอารมณ์และการแสดงออกที่เหมาะสมในทุกสถานการณ์ ทำให้เป็นสิ่งสำคัญในที่ทำงานการเสริมภาพลักษณ์ส่วนบุคคล จะช่วยให้คุณนำเสนอตัวเองอย่างมืออาชีพและโดดเด่นในทุกโอกาสด้วยหลักสูตรการพัฒนาภาพลักษณ์ส่วนบุคคลเพื่อความสำเร็จ จาก M academy ผู้เข้าอบรมสัมมนาจะมีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับแง่มุมต่างๆ ของการพัฒนาภาพลักษณ์ส่วนบุคคล เริ่มต้นด้วยความรู้พื้นฐานและทฤษฎีทางจิตวิทยาผู้เข้าร่วมจะได้รับความเข้าใจในคุณลักษณะค่านิยม ความเชื่อ และการยอมรับความแตกต่างของแต่ละบุคคลรวมถึงของตนเองด้วย นอกจากนี้ หลักสูตรนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงบุคลิกภาพภายนอกส่วนบุคคล รวมถึงการดูแลตัวเองเพื่อปลูกฝังภาพลักษณ์ที่น่าดึงดูดจนทำให้เกิดความแข็งแกร่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมความรู้สึกเชิงบวกเท่านั้นแต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในตนเองและผู้อื่นอีกด้วย